“แผ่นดินไหวกับการบิน” ถ้าเกิดแผ่นดินไหว การบินจะได้รับผลกระทบอย่างไร?
เมื่อภัยพิบัติบนพื้นดิน สะเทือนไปถึงท้องฟ้า!
เมื่อพูดถึง “แผ่นดินไหว” หลายคนอาจนึกถึงอาคารถล่ม ทะเลสั่นสะเทือน หรือการอพยพหนีตาย แต่รู้หรือไม่ว่า อุตสาหกรรมการบินก็ได้รับผลกระทบไม่น้อยเช่นกัน เพราะแม้ “ท้องฟ้า” จะปลอดภัยจากแรงสั่นสะเทือนโดยตรง แต่ โครงสร้างพื้นฐานที่ทำให้การบินเกิดขึ้นได้ อยู่บนพื้นดินทั้งหมด
คุณอาจชอบบทความนี้: จับตา “ร่องลึกนันไก – Nankai Trough” คืนนี้ (5 ก.ค.) ญี่ปุ่นเสี่ยงแผ่นดินไหวรุนแรง

สนามบิน = “จุดเปราะบางระดับสูง”
สนามบิน มักตั้งอยู่ใกล้เมืองใหญ่ และบางแห่งอยู่ใกล้รอยเลื่อนแผ่นดิน เช่น สนามบินฮาเนดะ (โตเกียว) หรือสนามบินโอซาก้า (คันไซ) ซึ่งหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้นจริง…
- รันเวย์อาจแตกร้าว: ทำให้ไม่สามารถขึ้น-ลงได้ชั่วคราว
- อาคารผู้โดยสารเสียหาย: ระบบไฟฟ้า น้ำประปา ลิฟต์ หรือลูกเล่น automation อาจใช้งานไม่ได้
- ระบบนำร่อง-ควบคุมจราจรทางอากาศ อาจหยุดชะงักชั่วคราว เพราะต้องประเมินความปลอดภัย
- เที่ยวบินดีเลย์หรือถูกยกเลิก เป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในประเทศที่แผ่นดินไหวรุนแรง

“นักบิน” ต้องรับมืออย่างไร?
- ถ้าเกิดแผ่นดินไหว ขณะอยู่บนอากาศ นักบินจะได้รับการแจ้งเตือนจากหอบังคับการบิน เพื่อเตรียมเปลี่ยนเส้นทาง หรือเบนไปลงที่สนามบินสำรอง
- ถ้าอยู่ในช่วง เตรียมขึ้นบินหรือลงจอด แล้วสนามบินได้รับผลกระทบ นักบินอาจต้องบินรอในอากาศ (hold) หรือ divert ไปสนามบินอื่นทันที
- การประเมินสภาพรันเวย์, ตรวจสอบแรงลม และ post-quake inspection เป็นสิ่งจำเป็น ก่อนอนุญาตให้เครื่องบินใช้สนามบินได้อีกครั้ง
“ลูกเรือ” ต้องทำอย่างไร?
- ปฏิบัติตามขั้นตอน Emergency SOP ที่ฝึกไว้
- ดูแลความปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เด็ก และผู้พิการ
- สื่อสารข้อมูลอย่างมีสติ ลดความตื่นตระหนก
- ตรวจสอบอุปกรณ์ฉุกเฉิน พร้อมรับคำสั่งต่อไปจากกัปตัน
“พนักงานสายการบิน / ภาคพื้น” ต้องรับมืออย่างไร?
- อพยพจากอาคารผู้โดยสารหากได้รับคำสั่ง
- ประสานงานกับสนามบินและหน่วยกู้ภัย
- ประกาศเลื่อนเที่ยวบิน/ยกเลิกเที่ยวบิน และช่วยเหลือผู้โดยสารในการเปลี่ยนแปลงตั๋ว
- ตรวจสอบความเสียหายของอาคาร ระบบ IT และสื่อสารกับสำนักงานใหญ่
- เตรียมการเปิดระบบใหม่ตาม Business Continuity Plan (BCP)
“ผู้โดยสาร” ต้องเจอกับอะไรบ้าง?
- ดีเลย์ ยกเลิก หรือถูกย้ายเที่ยวบิน: สร้างความสับสนและวุ่นวายอย่างมาก โดยเฉพาะกับผู้โดยสารต่างชาติ
- ระบบจองตั๋วหรือ Check-in ล่ม: หากเซิร์ฟเวอร์ของสายการบินหรือสนามบินเสียหาย
- ระบบขนส่งเชื่อมต่อหยุดชะงัก: รถไฟ-รถบัส-ทางด่วน อาจใช้งานไม่ได้ ทำให้เดินทางไปสนามบินไม่ได้
- บางกรณี อาจถึงขั้นต้อง นอนสนามบินหลายวัน หากแผ่นดินไหวทำให้พื้นที่รอบสนามบินเสียหายหนัก

แล้ว “ผู้โดยสาร” จะต้องทำอย่างไร?
- ระหว่างอยู่ในสนามบิน
- หลีกเลี่ยงลิฟต์/บันไดเลื่อน รีบหาที่ปลอดภัย เช่น เสาคอนกรีต มุมตึก
- รอฟังประกาศอย่างเป็นทางการจากสนามบิน/สายการบิน
- เตรียมพร้อมอพยพหากมีคำสั่ง และเก็บสิ่งของจำเป็นติดตัว
- ระหว่างอยู่บนเครื่องบิน (ก่อนบิน)
- ทำตามคำสั่งลูกเรืออย่างเคร่งครัด
- หากเกิดแผ่นดินไหวขณะอยู่บนพื้น สนามบินอาจสั่งให้หยุดทุกการบิน
- คาดเข็มขัด และรอข้อมูลจากกัปตันหรือลูกเรือ
- หลังเกิดเหตุ
- เช็กสถานะเที่ยวบินกับเว็บไซต์สายการบิน หรือ Application
- อย่าเชื่อข่าวลือบนโซเชียล ควรอิงจาก JMA, สนามบิน และสายการบินโดยตรง
- หากเที่ยวบินถูกยกเลิก ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่สายการบินเพื่อเปลี่ยนเที่ยวบิน/ขอคืนเงิน
- ตรวจสอบที่พัก-เส้นทางสำรองไว้ล่วงหน้า (ถ้าต้องค้างคืน)

กรณีศึกษา: แผ่นดินไหวญี่ปุ่นในอดีต
- ปี 2011: แผ่นดินไหว “โทโฮคุ” ทำให้สนามบินเซนไดต้องปิดตัวหลายวัน
- ปี 2018: สนามบินคันไซถูกปิดชั่วคราวหลังแผ่นดินไหวและพายุ ทำให้เที่ยวบินนับร้อยต้องถูกยกเลิก
- แม้แต่ ระบบดาวเทียมนำทาง (GNSS) ก็อาจเบี่ยงเบนจากการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลก
แล้วสรุปบินได้ไหม ถ้าเกิดแผ่นดินไหว?
คำตอบคือ “ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหาย”
เครื่องบินอาจไม่ได้รับผลโดยตรงจากแรงสั่นสะเทือน แต่สิ่งที่ทำให้การบินปลอดภัย เช่น รันเวย์, ระบบนำร่อง, เจ้าหน้าที่ภาคพื้น ล้วนอยู่บนพื้นดิน
ดังนั้น แผ่นดินไหวอาจทำให้การบิน “หยุดนิ่งชั่วคราว” แต่ด้วยมาตรฐานความปลอดภัยของอุตสาหกรรมการบินที่สูงมาก เที่ยวบินจะกลับมาเดินหน้าทันทีที่ทุกอย่าง “ปลอดภัย 100%”
แล้วถ้าเกิดแผ่นดินไหว สนามบินจะมีมาตรฐานในการรับมืออย่างไรบ้าง?
1. แผนฉุกเฉินของสนามบิน (Airport Emergency Plan)
- ตาม FAA CFR 14 §139.325 สนามบินต้องมีแผนฉุกเฉินที่ครอบคลุมรวมถึงภัยแผ่นดินไหว ออกแบบเพื่อลดความเสียหายและบาดเจ็บ (อ้างอิง: linkedin / ecfr)
- ICAO Annex 14 Vol I ระบุให้สนามบินต้องมีแผนปฏิบัติการฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงการประสานกับหน่วยงานภายนอก ชัดเจนทั้งบทบาท และรายชื่อผู้รับผิดชอบ (อ้างอิง: icao)
2. การเตรียมพร้อมและฝึกซ้อม (Preparedness & Drills)
- แผนต้องมีการซักซ้อม:
- เต็มรูปแบบ (full-scale) ทุก 2 ปี
- บางส่วน (partial) ในปีที่เหลือ (อ้างอิง: icao)
- FAA/ICAO แนะนำฝึกอย่างสม่ำเสมอ ประเมินผล ทั้ง tabletop, functional, และ full-scale (อ้างอิง: numberanalytics)
3. การสื่อสารและประสานงาน (Coordination & Command)
- ต้องกำหนด ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (EOC) และ หน่วยบัญชาการเคลื่อนที่ (command post) พร้อมช่องทางสื่อสารกับทุกฝ่าย (อ้างอิง: icao)
- สร้างสายงานที่ชัดเจน เช่น จุดติดต่อหลัก รายชื่อติดต่อฉุกเฉิน

4. การประเมินและแก้ไขสถานการณ์ทันที (Rapid Assessment & Action)
- หลังเกิดแผ่นดินไหว ต้องทำการ:
- ตรวจสอบรันเวย์ อาคาร ระบบไฟฟ้า น้ำประปา ระบบนำทาง และสาธารณูปโภค
- ประเมินโครงสร้างพื้นฐาน อาทิ taxiway, อาคารผู้โดยสาร (อ้างอิง: faa)
- มีมาตรการหยุดใช้งานชั่วคราว และเปิดใช้งานใหม่เมื่อผ่านการตรวจสอบ
5. ความต่อเนื่องในภาวะฉุกเฉิน (Contingency Planning)
- ICAO Annex 11 เน้นการวางแผนสำรองสำหรับระบบ ATC และบริการสนับสนุนกรณี disrupted (อ้างอิง: icao)
- แผนครอบคลุมทั้งก่อนเกิดเหตุ ระหว่างเหตุ และหลังเหตุ พร้อมอัปเดตอย่างต่อเนื่อง (อ้างอิง: ifatca)
6. การฟื้นฟูสนามบิน (Recovery & Business Continuity)
- นอกจากแผนเฉพาะหน้า ยังต้องมีแผนฟื้นฟู (Business Continuity Plan) เพื่อกลับมาดำเนินงานได้เร็ว
- หลังเกิดเหตุ มีการตรวจสอบ ข้อผิดพลาด เรียนรู้ปรับปรุงแผนต่อไป
สรุปมาตรฐานฉุกเฉินสนามบินเมื่อแผ่นดินไหว
ขั้นตอน | เนื้อหา |
แผนฉุกเฉิน | มีรายละเอียด บทบาท หน่วยงาน และช่องทางสื่อสาร |
ฝึกซ้อม | Tabletop, functional, full-scale อย่างสม่ำเสมอ |
ศูนย์ EOC และ Command Post | ชัดเจน ครบหน่วยไลน์ |
ประเมินความเสี่ยง | ตรวจรันเวย์ โครงสร้าง อาคาร ระบบ |
แผนสำรอง ATC | กรณี ATC ล่มต้องมี ATS contingency |
ฟื้นฟู & ปรับปรุง | มี BCP ตรวจสอบหลังเหตุและปรับปรุงแผน |
อ้างอิง